พระราชวังไดนอย

ภายในบริเวณวัดเท้เหมียวประดิษฐานพระโกศขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ๙ โกศตั้งเรียงราย พระโกศแต่ละโกศเป็นตัวแทนของจักรพรรดิแต่ละองค์ในราชวงศ์เหงวียนที่สลักลวดลายสวยงามเกี่ยวกับทิวทัศน์และความอุดมสมบูรณ์ของประเทศเวียดนาม
ตื่อเกิ๊มแถ่งหรือพระราชวังต้องห้ามถือเป็นไฮไลท์สำคัญของรายการเที่ยวนครจักรพรรดิ์แห่งเว้เพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของราชวงศ์เหงวียนผ่านสิ่งของวัตถุที่จัดแสดงและร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ สถานที่แห่งนี้ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์เท่านั้น คุณแค้งหว่าบรรยายต่อไปว่า “ อาคารหลักในกำแพงนี้คือ ตำหนักโคนท้ายที่ถูกก่อสร้างเมื่อปีค.ศ. ๑๘๐๔ สมัยพระเจ้ายาลองครองราชบัลลังก์ โดยเป็นเรือน ๗ คูหาและ๒ คูหาโผล่ และยังมีตำหนักอื่นๆเช่น ตำหนักเกิ่นแจ๊งซึ่งเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิใช้รับรองราชอาคัณตุกะและว่าราชการของพระองค์และตำหนักก่านแถ่งเป็นสถานองค์จักรพรรดิจะทรงพักผ่อนพระอิริยาบถ ”
สุสานของราชวงศ์เหงวียนอยู่กระจัดกระจายกันบนเนินเขาทั้งสองฝั่งแม่น้ำหอมทางทิศตะวันตกของนครจักรพรรดิแห่งเว้ ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความกลมกลืนกับทิวทัศน์โดยรอบและมีอัตลักษณ์ในแบบของเวียดนามเพราะสุสานแต่ละแห่งสะท้อนชีวิตและบุคลิกของจักรพรรดิแต่ละองค์ สุสานเหล่านี้คือการผสมผสานกันของสีทุกสีของท้องฟ้าและผืนน้ำ อันเป็นการหลอมรวมของเทือกเขาสูง ป่าทึบและสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใบหญ้า เป็นภาพอันน่าชมของธรรมชาติ ความเลิศเลอของความงามอันยิ่งใหญ่ที่แต่งเติมด้วยภาพอีกภาพหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยมือของมนุษย์
ภายในหนึ่งวันเราสามารถเที่ยวชมสถานที่สำคัญสองแห่งของโบราณสถานราชธานีเก่าเว้คือ นครจักรพรรดิแห่งเว้และสุสานของราชวงศ์เหงวียน และยังมีสถานที่อีกหลายๆแห่งเกี่ยวกับราชวงศ์เหงวียนก่อนหน้านี้ ๒๐๐ ปีกำลังเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเพื่อสัมผัสกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโบราณสถานที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกวัฒนธรรมโลก ./.